การคิดเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
ความสำคัญของการคิดเชิงวิพากษ์ในยุคดิจิทัล
ในยุคดิจิทัล ข้อมูลล้นหลามและเข้าถึงได้ง่าย ทุกคนต้องรู้จักคิดเชิงวิพากษ์เพื่อแยกแยะข้อมูลจริงและข้อมูลปลอม
การคิดเชิงวิพากษ์ช่วยให้เราตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและรับข้อมูลที่เชื่อถือได้ ป้องกันการหลอกลวงและข่าวปลอม
วิธีการแยกแยะข้อมูลจริงและข้อมูลปลอม

1

ตรวจสอบแหล่งที่มา
แหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือมักเป็นเว็บไซต์ที่เป็นทางการขององค์กรหรือสื่อที่มีชื่อเสียง

2

ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อเปรียบเทียบและยืนยันความถูกต้อง

3

พิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้เขียน
ตรวจสอบประวัติและความเชี่ยวชาญของผู้เขียนว่ามีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่นำเสนอหรือไม่
การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล
URL
พิจารณาโดเมนเนมของเว็บไซต์ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ เช่น .gov (หน่วยงานรัฐบาล), .edu (สถาบันการศึกษา), .org (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร) เว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมักจะมีโดเมนที่สอดคล้องกับประเภทขององค์กร นอกจากนี้ควรสังเกตว่าเว็บไซต์นั้นมีการออกแบบที่เป็นมืออาชีพและปลอดภัย (https) หรือไม่
ผู้เขียน
ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนว่ามีความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่นำเสนอหรือไม่ ดูประวัติและผลงานของผู้เขียนว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน หากเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ข้อมูลนั้นก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ควรพิจารณาว่าผู้เขียนมีความลำเอียงหรือมีวาระแอบแฝงอะไรหรือไม่
วันที่เผยแพร่
ข้อมูลที่อัปเดตเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลที่เก่า เพราะข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้น ควรพิจารณาว่าข้อมูลนั้นถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อไหร่ และดูว่าข้อมูลนั้นยังคงเกี่ยวข้องและถูกต้องอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ การอ้างอิงแหล่งข้อมูลอื่นที่ใหม่กว่าก็เป็นวิธีการเสริมความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน
คำแนะนำในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

1

ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและแตกต่างกันสำหรับบัญชีต่างๆ

2

ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและอัปเดตเป็นประจำ

3

ระวังลิงก์ที่น่าสงสัยและไม่คลิกเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก
ข้อควรระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวออนไลน์
1
อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
เช่น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ และบัตรเครดิต
2
ระวังการแชร์รูปภาพ
พิจารณาผลกระทบของรูปภาพที่แชร์ต่อตัวคุณเองและผู้อื่น
3
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชีโซเชียลมีเดีย
ควบคุมใครสามารถเห็นข้อมูลของคุณได้
เคล็ดลับป้องกันมิจฉาชีพทางอินเทอร์เน็ต

1

ตรวจสอบลิงก์
อย่าคลิกที่ลิงก์ที่ดูน่าสงสัยหรือไม่รู้จัก

2

อย่าเปิดเผยข้อมูล
ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัญชีธนาคาร กับบุคคลที่ไม่รู้จัก

3

ใช้ระบบป้องกันไวรัส
อัปเดตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเป็นประจำ

4

รายงานความผิดปกติ
แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบปัญหาหรือการหลอกลวง
บทบาทของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการป้องกันปัญหา

1

เรียนรู้และแบ่งปัน
ศึกษาและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงวิพากษ์และการป้องกันมิจฉาชีพ

2

รายงานการหลอกลวง
ช่วยแจ้งเตือนผู้อื่นเกี่ยวกับการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต

3

ให้ความช่วยเหลือ
ช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงหรือการโจรกรรมข้อมูล
แนวปฏิบัติที่ดีในการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
1
ใช้เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้
ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลและเว็บไซต์อย่างรอบคอบ ดูว่าเว็บไซต์มีการระบุเจ้าของหรือผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนหรือไม่ สังเกต URL เว็บไซต์ที่ปลอดภัยมักมี "https" และมีสัญลักษณ์แม่กุญแจอยู่ อย่าคลิกที่ลิงก์ที่ดูน่าสงสัยหรือไม่คุ้นเคย หากไม่แน่ใจ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนเข้าใช้งานเสมอ
2
ระวังการแชร์ข้อมูล
พิจารณาผลกระทบของข้อมูลที่แชร์อย่างรอบคอบ ก่อนแชร์ข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลทางการเงิน ควรประเมินความเสี่ยงและความจำเป็น อย่าแชร์ข้อมูลที่ไม่จำเป็น และควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษบนโซเชียลมีเดีย และควรตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้เหมาะสม เพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ
3
อัปเดตซอฟต์แวร์
ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและอัปเดตเป็นประจำ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีจะช่วยป้องกันไวรัส มัลแวร์ และภัยคุกคามอื่น ๆ อัปเดตระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นประจำ เพื่อป้องกันช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบัญชี เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
สรุปและแนะนำแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
เว็บไซต์ภาครัฐ
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) : dsi.go.th
เว็บไซต์องค์กรอิสระ
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม : anti-fake.in.th
สายด่วน
สายด่วน 1599 : สอบถามข้อมูลและขอความช่วยเหลือ